สุดยอดพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์
อีกหนึ่งสถานที่แนะนำให้เที่ยวในซานฟรานซิสโก
หลังจากจดๆจ้องๆมานาน ในที่สุดฉันก็ได้มีโอกาสไปเยือน California Academy of Sciences ที่อยู่ใน
สมัยเรียนอยู่ชั้นประถมเวลาพ่อ แม่ หรือโรงเรียนพาไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ที่แสดงโบราณวัตถุ สารภาพอย่างไม่อายว่าไม่เคยชอบเลย รู้สึกเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ มีแต่รูปปั้น และวัตถุโบราณที่มีป้ายติดบรรยายเรื่องราวที่อ่านยากและไม่น่าสนใจเอาเสียเลย สู้ไปเที่ยวเขาดินวนาหรือสวนสัตว์ไม่ได้ แสดงว่าฉันคงจะเป็นเด็กนักเรียนที่ไม่ได้ใส่ใจในความรู้รอบตัว เป็นนักเรียนปลายแถวเรียกว่าอย่างนั้นเถอะ
กาลเวลาผ่านไป มาถึงตอนเป็นสาวติดใจละครพันทางของหลวงวิจิตวาทการ เรื่องเลือดสุพรรณก็รบเร้าให้แม่พาไปสุพรรณ พอเรื่องอานุภาพแห่งความรักมาแสดง ก็ชักชวนพี่ชายลูกคุณลุงที่เขาขับรถได้ ให้พาไปอยุธยา
ที่นั่น ฉันหลงรักพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา พี่พาไปยืนดูบึงพระราม ฉันก็ไปยืนนึกภาพชาวอยุธยาที่เกิดความหวาดกลัวข้าศึกที่จู่โจมมาตีจนกรุงแตก มีข้าวของแก้วแหวนเงินทองก็โยนทิ้งลงไปในบึงพระรามนั้น และหลังเสียกรุงแล้วเกือบสองร้อยปี กรมศิลปากรก็ค้นพบมหาสมบัติเหล่านี้ และนำมาแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา
เกริ่นเสียยาว...ค่ะ ...ปูพรมอารมณ์ผู้อ่านนิดหน่อยค่ะ
ทีนี้เมื่อยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งสนใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของทุกชาติ เมื่อใดมีโอกาสก็จะหาเวลาไปเยี่ยมชมสถานที่เก็บข้อมูลประวัติศาสตร์เหล่านั้นอยู่เสมอๆ
โชคดีที่ฉันได้มาใช้ชีวิตอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองซานฟรานซิสโก ที่เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์มีชื่อสุดๆอยู่สองสามแห่ง นั่นก็คือ De Young Museum กับ San Francisco Academy of Sciences อยู่ใน Golden Gate Park Asian และ
แต่วันนี้ขอเริ่มที่
เริ่มที่นี่ก็เพราะเป็นสิ่งใหม่สุดๆของชาวซานฟรานที่เพิ่งเปิดใหม่เมื่อปีที่แล้วนี้ (ค.ศ. 2008)และได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เป็นสุดยอดของแหล่งเรียนรู้ ที่ตัวอาคารก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก และสำคัญที่สุดก็คือ โครงสร้างพิพิธภัณฑ์ บนพื้นที่412,000 ตารางฟุตนั้นไม่เพียงแต่ออกแบบน่าประทับใจ แต่ยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดในโลก ประกอบด้วยหลังคาที่มีแผงรับพลังงานจากแสงอาทิตย์ พร้อมทั้งระบบชำระน้ำที่ใช้แล้ว รวมไปถึงผนังของห้องต่างๆที่บุด้วยกางเกงบลูยีนที่ใช้แล้ว
เพื่อนฉันให้นิยามสถานที่แห่งนี้ว่าเป็นวิทยสถานเพื่อสรรพศาสตร์แห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ทั้งนี้เพราะผู้ที่เข้าไปชมจะได้เรียนรู้ศาสตร์หลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นด้านดาราศาสตร์ ชีวะวิทยา ธรณีวิทยา และมนุษยศาสตร์ รวมอยู่ในสถานที่เดียวกัน
ที่นี่มีนักวิทยาศาสตร์และโปรเฟสเซอร์ผู้เชี่ยวชาญมาประจำอยู่เพื่อทำงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตลอดเวลา มีเจ้าหน้าที่เข็นรถนำสิ่งของที่น่าสนใจมาให้เด็กๆได้จับต้องและตอบคำถามเด็กๆตลอดเวลา ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากเด็กและผู้ใหญ่เป็นอันมาก
เดินเข้าไปถึง สิ่งแรกที่ผู้ชมสนใจไม่พ้น จระเข้ขาว พันธ์แท้ อเมริกันแอลิเกเตอร์ ในโลกนี้เขาว่าเหลือไม่ถึงห้าสิบตัว ก็เพราะมันมีสีขาว ไม่สามารถพลางตัวได้ ก็เลยไม่สู้จะรอดไปจากเงี้อมมือศัตรู
ฉันโชคดีมาก วันที่ไปเขาขึ้นมาผึ่ง (แสงไฟ) อยู่ตรงหน้า ได้ช็อตดีสุดๆ
ส่วนนี้เรียก Rain Forest
สร้างสรรค์ด้วยป่าดงดิบ และป่าเมืองร้อน ทำเป็นทางวนขึ้น ชมต้นไม้ ชมนกขุนทองตัวจริงเสียงจริง แต่วันนั้นไม่ขยับและสำหรับคนไทยไม่แปลกอะไรก็เลยไม่ได้บันทึกภาพ ชมกบตัวเล็กตัวน้อยที่เกาะอยู่ตามพุ่มไม้ และมีกบตัวจิ๋ว ลำตัวสองสี สีแดงและน้ำเงินจากอาฟริกากระโดดไปมา น่ารัก แต่หากใครโดนกัดคงแย่แน่ เพราะไกด์อธิบายว่ามีพิษสงมาก วนไปถึงชั้นบน มีผีเสื้อบินว่อน บินมาตามตัวเราด้วย ก่อนออกจากห้องนี้ เขามีการตรวจด้วยเครื่อง ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นอะไร ตรวจว่ามีผีเสื้อสวยๆที่เขาอนุรักษ์ติดตัวเราไปหรือไม่ มีการตรวจกระเป๋าด้วย กลัวคนขะโมยผีเสื้อ นับเป็นสีสรรค์อีกมุมหนึ่ง
ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าตอนสร้างพิพิธภัณฑ์เสร็จเริ่มย้ายสัตว์น้ำมาใส่อ่างโชว์ ต้องจับปลาแต่ละตัวมาอย่างไร
ส่วนนี้แสดงถึงวิวัฒนาการมนุษย์
ขอจบลงด้วยการเชิญชวนผู้ที่จะไปเที่ยวซานฟรานซิสโก
เมื่อท่านมาชมสะพานโกลเดน เกต ก็ควรเลยมาเที่ยวโกลเดน เกต พาร์ค แต่ถ้ามาถึงแล้วอย่าลังเลที่จะเข้าชมวิทยสถานแห่งนี้ ท่านจะกลับไปด้วยอารมย์ชื่นมื่น เป็นสุนทรีย์ในจิตใจ หลังจากได้เห็นนิทรรศการหลากหลายและกิจกรรมจากโลกแห่งการสร้างสรรค์
1 ความคิดเห็น:
ขอขอบคุณที่ได้แนะนำสถานท่ีอันเป็นประโยชน์ น่าจะพาครอบครัวไป ถ้าคุณลลิตดาจะพาไปเที่ยวท่ีไหนอีกก็จะขอเป็น"ลูกทัวร์"ด้วยคน
แสดงความคิดเห็น